07 February 2008

การแก้ปัญหาครื่องแฮงค์

เครื่องแฮงค์เพราะไดรเวอร์
ไดรเวอร์คือ โปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานงานระหว่างฮาร์ดแวร์และระบบปฏิบัติการหรืออธิบายง่ายๆ ก็คือคอยทำหน้าที่แนะนำให้ระบบปฏิบัติการรู้จักและทำงาน ร่วมกับฮาร์ดแวร์ได้นั่นเอง ดังนั้นหากอุปกรณ์ตัวไหนที่ไม่ได้ลงไดรเวอร์ ก็อาจทำให้ระบบปฏิบัติการไม่รู้จัก จึงไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ดูแล้วไดรเวอร์ ไม่น่าจะเป็นตัวที่ทำให้เกิดปัญหาใช่มั้ยครับ แต่เนื่องจากว่า บางครั้งไดรเวอร์ที่เป็นเวอร์ชั่นใหม่ไม่สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ตัวเก่าได้ มีผู้ใช้หลายคนยกเครื่องมาให้ ช่างคอมพิวเตอร์ตรวจเช็คเนื่องจากปัญหาเครื่องแฮงค์บ่อยพอสอบถามถึงปัญหาก็พบว่าผุ้ใช้ได้เคยอัพเดท ไดรเวอร์รุ่นใหม่ที่ดาวน์โหลดมาจากเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต ดังนั้นเมื่อตรวจเช็คแล้วก็พบว่าไดรเวอร์ที่ผุ้ใช้ อัพเดทนั้นเป็นไดรเวอร์รุ่นทดสอบที่หลายเว็บไซต์มักชอบนำมาให้ดาวน์โหลดไปทดสอบกันดูก่อน เมื่อไดรเวอร์ยังไม่สมบูรณ์ จึงยังไม่สามารถทำงานเข้ากับฮาร์ดแวร์ บางตัวได้จึงทำให้เกิดปัญหาเครื่องแฮงค์ นั่นเอง ซึ่งปัญหานี้พบได้บ่อยมาก



สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาของช่างคอมพิวเตอร์ก็คือ ให้สอบถามพฤติกรรมการใช้งานของ ผู้ใช้ก่อน หากพบเครื่องที่มีอาการแฮงค์หลังจากที่ผู้ใช้อัพเดทไดรเวอร์ลงไปให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าเกิดจากสาเหตุนี้ วิธีแก้ปัญหาก็คือให้จัดการถอดไดรเวอร์ที่มีปัญหานั้นทิ้งไป แล้วลงไดรเวอร์ตัวเก่าที่เคยใช้งานได้ดีกลับไปเหมือนเดิม โดยมีขั้นตอนดังนี้

1. ให้คลิกขวาที่ไอคอน My Computer > Properties
2. ที่หน้าต่าง System properties ให้คลิกแท็ป Device Driver
3. จากนั้นคลิกขวาที่ไดรเวอร์ของอุปกรณ์ที่มีปัญหา แล้วเลือกคำสั่ง Remove ไดรเวอร์นั้นออกไปแล้วลงไดรเวอร์ตัวเก่าที่เคยใช้งานได้ดีกลับไปเหมือนเดิม

แต่บางครั้งไดรเวอร์ที่มากับอุปกรณ์ตั้งแต่ตอนแรกที่ซื้อมา ก็อาจทำให้มีปัญหาได้เหมือนกัน โดยจะ พบบ่อยมากในไดรเวอร์ของการ์ดแสดงผล 3 มิติ และซาวด์การ์ดยี่ห้อโนเนมทางแก้ปัญหาคือ ต้องไปดาวน์โหลดไดรเวอร์เวอร์ชั่นใหม่จากเว็บไซต์ของผู้ผลิตอุปกรณ์ยี่ห้อที่ใช้อยู่เท่านั้น ไม่ควรไปดาวน์โหลดจากเว็บไซต์อื่น เพราะจะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้

เครื่องแฮงค์เพราะโปรแกรมแอพพลิเคชั่น
หลายครั้งที่อาการแฮงค์มักเกิดหลังจากโปรแกรมที่ติดตั้ง อยู่ในเครื่องเข้ากันไม่ได้ บางไฟล์ของโปรแกรมตัวหนึ่งอาจเข้าไปเปลี่ยนแปลงไฟลืบางตัวของระบบปฏิบัติการจึงทำให้เกิดปัญหาขึ้นตามมาได้ ส่วนใหญ่มักเกิดจากไฟล์นามสกุล DLL ซึ่งเป็นไฟล์สาธารณะของระบบปฏิบัติการ ที่มักจะมีหลายโปรแกรมที่เราติดตั้ง เข้ามาขอใช้ไฟล์นามสกุล DLL ด้วย แต่บางโปรแกรมก็มีไฟล์ DLL เวอร์ชั่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าไฟล์ DLL ตัวเดิมของระบบปฏิบัติการ เมื่อเราติดตั้งโปรแกรมนี้ลงไปมันก็จะเขียนไฟล์ DLL ตัวใหม่ทับตัวเก่าทันที จึงทำให้เกิดปัญหาเครื่องแฮงค์ตามมา เพราะไฟล์ DLL เวอร์ชั่นใหม่ไม่สามารถทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการได้

สำหรับแนวทางแก้ไขของช่างคอมพิวเตอร์ก็คือ ให้สอบถามพฤติกรรมของการใช้งานของผู้ใช้ก่อน เมื่อพบเครื่องที่มีลักษณะเครื่องแฮงค์หลังจากที่ผุ้ใช้ลงโปรแกรมตัวใหม่ลงไป ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าอาจ มาจากสาเหตุนี้ วิธีการแก้ไขก็คือ หากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบนวินโดวส์ 98 / Me ให้บูตเครื่องด้วยแผ่นบูตแล้วพิมพ์คำสั่ง Scanreg / restore เพื่อเป็นการย้อนกลับไปใช้รีจีสทรีที่วินโดวส์ได้แบ็คอัพเก็บไว้ 5 วันหลังสุด ก็ให้เราเลือกวันที่คิดว่ายังไม่เกิดปัญหาเพียงเท่านี้ก็จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ครับ

สำหรับวินโดวส์ Me และวินโดวส์ XP ก็สามารถใช้โปรแกรม System Restore เพื่อย้อนกลับไปยังวันที่ไม่เกิดปัญหาได้ โดยสามารถเรียกใช้โปรแกรมได้ดังนี้

1. คลิกปุ่ม Start > Program > Accessories > System Tools > System Restore
2. เมื่อปรากฏโปรแกรม System Restore ขึ้นมาให้คลิกที่ช่อง Restore my computer to earlier time แล้วคลิกปุ่ม Next
3. เลือกวันที่และจุด Checkpoint ที่คิดว่ายังไม่เกิดปัญหา โดยวันที่ที่สามารถย้อนกลับไปได้จะเป็นช่องหนาๆ เมื่อเลือกเสร็จแล้วให้คลิกปุ่ม Next
4. จะมีหน้าต่างแสดงรายละเอียดของวันที่และจุด Checkpoint ที่ต้องการย้อนระบบกลับไป ให้เราคลิกปุ่ม Next แล้วโปรแกรมก็จะเริ่มทำการย้อนระบบกลับไปยังวันที่และจุด Checkpoint ที่เรากำหนด

Read More......

11 January 2008

แนะนำไวรัส

ชื่อ : W32.Zafi.D@mm หรือ W32.Erkez.D@mm

ชื่อ : W32.Zafi.D@mm หรือ W32.Erkez.D@mm
ชนิด : หนอนอินเทอร์เน็ต (worm)
ชื่ออื่นที่รู้จัก : W32.Erkez.D@mm, Win32.Zafi.D, Zafi.D, W32/Zafi.d@MM, W32/Zafi.D.worm,W32/Zafi-D, WORM_ZAFI.D
ระดับความรุนแรง : ปานกลาง
ระบบปฏิบัติการที่มีผลกระทบ : Windows 2000, Windows 95, Windows 98, Windows Me, Windows NT, Windows Server 2003, Windows XP
ระบบปฏิบัติการที่ไม่มีผลกระทบ : Linux, Macintosh, Microsoft IIS, OS/2, UNIX


วิธีการแพร่กระจาย

หนอนชนิดนี้สามารถแพร่กระจายผ่านทางอี-เมล์ได้ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเทศกาลคริสต์มาส

ผลกระทบที่เกิดขึ้น

ส่งอี-เมล์ออกมาเป็นจำนวนมาก : หนอนจะส่งอี-เมล์โดยใช้ SMTP ของหนอนเอง
เครื่องอาจทำงานผิดพลาด : เนื่องจากหนอนจะแก้ไขไฟล์และรีจิสทรี ทำให้เครื่องทำงานผิดพลาดได้
หยุดการทำงานโปรแกรมป้องกันไวรัส : ส่งผลทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกหนอนชนิดนี้แพร่กระจาย อาจถูกหนอนชนิดอื่นแพร่กระจายเข้ามาได้

รายละเอียดทางเทคนิค

เมื่อหนอน W32.Zafi.D@mm ถูกเอ็กซิคิวต์ หนอนจะมีกระบวนการดังนี้

ทำการสร้างไฟล์ต่อไปนี้ขึ้นมา:
%System%\Norton Update.exe
C:\s.cm (เป็นไฟล์ล็อก)
หมายเหตุ %System% ซึ่งอ้างอิงเป็นโฟลเดอร์ของระบบโดยทั่วไปแล้วจะเป็น
C:\Windows\System (Windows 95/98/Me), C:\Winnt\System32 (Windows NT/2000), หรือ
C:\Windows\System32 (Windows XP).

ทำการสำเนาตัวเองเป็นหลายๆ ไฟล์ ในโฟลเดอร์ %System% ด้วยรูปแบบของ .dll ไฟล์ ด้วยชื่อที่แตกต่างกันโดยการสุ่มจำนวนแปดตัวอักษร
ทำการแก้ไขชื่อไฟล์ต่างๆ ที่พบโดยการเพิ่มตัวอักษรลงในชื่อที่มีอยู่เดิม
winamp 5.7 new!.exe
ICQ 2005a new!.exe

สร้างค่ารีจีสทรีย์ชื่อ Wxp ในเครื่องที่หนอนแพร่กระจายอยู่
ทำการเพิ่มค่าคีย์
"Wxp4" = "%System%\Norton Update.exe"
ในรีจิสทรีย์คีย์
HKEY_LOCAL_MACHINE\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Run
ในทุกๆครั้งที่มีการรันหนอน
สร้างรีจิสทรีย์คีย์
HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Wxp4
ทุกๆ ครั้งที่มีการฝังตัว
โดยเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีการแจ้งเตือนดังนี้
Title: CRC: 04F7Bh
Message: Error in packed file!
ทำการยกเลิกการทำงานของโพรเซส ต่อไปนี้
reged
msconfig
task

มีการเรียกไปยังโดเมน microsoft.com
เปิด back door ที่ TCP พอร์ต 8181 และรอการโจมตีของผู้ไม่ประสงค์ดี
ทำการเปิดแชร์ ไฟล์.exe ในโฟลเดอร์ที่มี String ดังนี้อยู่
syman
viru
trend
secur
panda
cafee
sopho
kasper
และทำการยกเลิกการทำงานของไฟล์ exe ทั้งหมดที่พบ
ค้นหาอี-เมล์แอดเดรสจากโฟลเดอร์ระบบบนเครื่องที่ถูกหนอนชนิดนี้แพร่กระจาย
ทำสำเนาตัวเองและส่งไปให้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ โดยใช้รูปแบบ SMTP หรือผ่านทางอี-เมล์
วิธีกำจัดหนอนชนิดนี้

การกำจัดหนอนแบบอัตโนมัติ วิธีที่ 1

ดาวน์โหลดโปรแกรม Sysclean.com จากเว็บไซต์ http://www.trendmicro.com/ftp/products/tsc/sysclean.com
ดาวน์โหลดไฟล์ pattern ชื่อ lptxxx.zip จาก http://www.trendmicro.com/download/pattern.asp
หมายเหตุ xxx แทนตัวเลขเวอร์ชันล่าสุดของไฟล์ pattern

แตกไฟล์ lptxxx.zip นำไฟล์ชื่อ lpt$vpn.xxx เก็บไว้ในโฟลเดอร์เดียวกับไฟล์ Sysclean.com ที่ได้จากข้อ 1
ตัดการเชื่อมต่อเครือข่าย
หยุดการทำงานทุกโปรแกรม รวมทั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสด้วย
จากนั้นรันไฟล์ Sysclean.com จะปรากฏไดอะล็อกให้ทำการสแกนโดยกดปุ่ม Scan
เริ่มต้นการใช้งานโปรแกรมป้องกันไวรัสอีกครั้ง
ทำการปรับปรุงฐานข้อมูลไวรัสที่ใช้อยู่แล้วทำการสแกนอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องที่ใช้งานอยู่ไม่มีไวรัส
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับวินโดวส์ ME:

หมายเหตุ: ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ME ใช้ backup utility สำหรับ backup ไฟล์โดยอัตโนมัติไว้ที่โฟลเดอร์ C:\_Restore ดังนั้นไฟล์ที่ติดเชื้อสามารถถูกเก็บไว้เป็นไฟล์ backup ได้ และ โปรแกรมป้องกันไวรัสจะไม่สามารถลบไฟล์เหล่านี้ได้ จึงต้องทำการยกเลิกการใช้งาน Restore Utility ตามขั้นตอนดังนี้

คลิ้กขวาที่ไอคอน My Computer บน Desktop และ เลือก Properties

เลือกแถบ Performance

กดปุ่ม File System

เลือกแถบ Troubleshooting

ใส่เครื่องหมายเลือก "Disable System Restore"

กดปุ่ม Apply

กดปุ่ม Close

กดปุ่ม Close อีกที

เมื่อมีหน้าต่างขึ้นมาถามว่าจะรีสตาร์ทเครื่องหรือไม่ ให้กด Yes
หมายเหตุ: ตอนนี้ Restore Utility ถูกยกเลิกแล้ว

หลังจากเรียกใช้งาน Fix tools เรียบร้อยแล้ว เปิดหาตำแหน่งของไฟล์เหล่านั้นได้จากโฟลเดอร์ C:\_Restore และกำจัดออก
หลังจากกำจัดเรียบร้อยแล้วก็รีสตาร์ทเครื่องให้ใช้งานได้ตามปกติ
หมายเหตุ: การเปิดใช้ Restore Utility อีกครั้ง ให้ทำตามขั้นตอนที่ 1-9 และในขั้นตอนที่ 5 ให้ยกเลิกเครื่องหมายที่เลือก "Disable System Restore" ออก
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับวินโดวส์ XP
หมายเหตุ: ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ XP ใช้ backup utility สำหรับ backup ไฟล์โดยอัตโนมัติไว้ที่โฟลเดอร์ C:\_Restore ดังนั้นไฟล์ที่ติดเชื้อสามารถถูกเก็บไว้เป็นไฟล์ backup ได้ และ โปรแกรมป้องกันไวรัสจะไม่สามารถลบไฟล์เหล่านี้ได้ จึงต้องทำการยกเลิกการใช้งาน Restore Utility ตามขั้นตอนดังนี้

คลิ้กขวาที่ไอคอน My Computer บน Desktop และ เลือก Properties
เลือกแถบ System Restore
ใส่เครื่องหมายเลือก "Turn off System Restore" หรือ "Turn off System Restore on all drives"
กดปุ่ม Apply
กดปุ่ม Yes
หมายเหตุ: ตอนนี้ Restore Utility ถูกยกเลิกแล้ว
หลังจากเรียกใช้งาน Fix tools เรียบร้อยแล้ว เปิดหาตำแหน่งของไฟล์เหล่านั้นได้จากโฟลเดอร์ C:\_Restore และกำจัดออก หลังจากกำจัดเรียบร้อยแล้วก็รีสตาร์ทเครื่องให้ใช้งานได้ตามปกติ
หมายเหตุ: การเปิดใช้ Restore Utility อีกครั้ง ให้ทำตามขั้นตอนที่ 1-5 และในขั้นตอนที่ 5 ให้ยกเลิกเครื่องหมายที่เลือก "Turn off System Restore" ออก
วิธีป้องกันตัวเองจากหนอนชนิดนี้

ควรลบอี-เมล์ที่น่าสงสัยว่ามีไวรัสแนบมา รวมทั้งอี-เมล์ขยะและอี-เมล์ลูกโซ่ทิ้งทันที
ห้ามรันไฟล์ที่แนบมากับอี-เมล์ซึ่งมาจากบุคคลที่ไม่รู้จักหรือไม่มั่นใจว่าผู้ส่งเป็นใครและไม่ทราบว่าไฟล์ดังกล่าวนั้นเป็นไฟล์อะไร ตลอดจนไฟล์ที่ถูกส่งด้วยโปรแกรมประเภทแช็ต (Chat) ต่างๆ เช่น IRC, ICQ หรือ Pirch เป็นต้น
ติดตั้งโปรแกรมต่อต้านไวรัส และต้องทำการปรับปรุงฐานข้อมูลไวรัสเป็นตัวล่าสุดอยู่เสมอ
สร้างแผ่นกู้ระบบฉุกเฉิน (Emergency disk) ของโปรแกรมป้องกันไวรัส และปรับปรุงฐานข้อมูลในแผ่นอยู่เสมอ
ติดตั้งโปรแกรมปรับปรุงช่องโหว่ (patch) ของทุกซอฟต์แวร์อยู่เสมอ โดยเฉพาะ Internet Explorer และระบบปฏิบัติการ ให้เป็นเวอร์ชันใหม่ที่สุด
IE 6.0 Service Pack 1
Windows 2000 Service Pack 4
Windows XP Service Pack 2

ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส และต้องทำการปรับปรุงฐานข้อมูลไวรัสเป็นตัวล่าสุดอยู่เสมอ
ตั้งค่า security zone ของ Internet Explorer ให้เป็น high ดังคำแนะนำที่ http://thaicert.nectec.or.th/paper/virus/zone.php
ทำการสำรองข้อมูลในเครื่องอยู่เสมอ และเตรียมหาวิธีการแก้ไขเมื่อเกิดเหตุขัดข้องขึ้น
ติดตามข่าวสารแจ้งเตือนเกี่ยวกับไวรัสต่างๆ ซึ่งสามารถขอใช้บริการส่งข่าวสารผ่านทางอี-เมล์ของทีมงาน ThaiCERT ได้ที่ http://thaicert.nectec.or.th/mailinglist/register.php

--------------------------------------------------------------------------------

Read More......

31 December 2007

30 เทคนิคคอมฯดี

สำหรับบทความนี้อยากให้เพื่อน ๆ ลองทำกันดู

1. ในขณะที่คุณกำลังจะ Restart เครื่องใหม่ ก่อนที่จะกดปุ่ม OK ให้คุณกด Shift ค้างไว้ จะทำให้คุณ Restart ได้เร็วขึ้น

2. ในบาง Web Site หากคุณกด Ctrl ค้างไว้ และเลื่อน Scroll ที่ Mouse จะทำให้ตัวอักษรของ Web Site นั้นใหญ่ขึ้น

3. หากกดปุ่ม Refresh หรือ F5 แล้วยังเป็นข้อมูลเดิม ลองกด Ctrl + F5 รับรองจะได้ข้อมูลที่ใหม่ล่าสุดแน่ๆ

4. คุณสามารถเปิดไฟล์ Tips.txt ขึ้นมาเพื่ออ่านเทคนิคต่างๆ ได้ ซึ่งไฟล์นี้จะอยู่ใน c:\\windows ของคุณ

5. ในระหว่างที่คุณกำหลังใช้งาน IE อยู่นั้น สามารถกดปุ่ม F4 เพื่อเป็นการเปิดดู URL List ในช่อง Address ได้เลย

6. การกดปุ่ม Esc ระหว่างการใช้ IE จะทำให้ IE ของคุณนั้นหยุดโหลดได้ โดยที่ไม่ต้องกดปุ่ม Stop

7. ระหว่างการใช้ IE สามารถกดปุ่ม Alt + D หรือ Ctrl + Tab เพื่อเข้า Address bar อย่างเร็วได้

8. คุณสามารถเพิ่มความเร็วให้กับ Internet ได้โดยทำการถอดสายเครื่องโทรศัพท์ ที่มีการต่อพ่วงอยู่กับสายที่ใช้ต่อ Internet ออก

9. คุณสามารถ ไปที่ Start -> Run และพิมพ์ว่า welcome กด Enter เพื่อเปิดหน้าต่างต้อนรับของ Windows ได้

10. ที่ Notepad หรือ ICQ หากคุณลืมเปลี่ยน Mode ภาษา ให้กดปุ่ม Ctrl + Back Space เพื่อแก้คำที่พิมพ์ผิดไปแล้ว

11. คุณสามารถ เปิด Folder Desktop อย่างรวดเร็ว โดย Start -> Run พิมพ์จุด (.) ลงไปแล้วกด Enter

12. ใน IE สามารถกด Space Bar เพื่อนเลื่อนหน้า Page ลงได้ ส่วนเลื่อนขึ้นคือ Shift + Space Bar

13. ใน Windows คุณไม่สามารถ สร้าง Folder ที่ชื่อ \"con\" ได้

14. ใน IE ที่ช่อง Address ปุ่ม Ctrl+Enter สามารถช่วยคุณ ในการพิมพ์ URL ได้เร็วยิ่งขึ้น

15. การกด Ctrl ค้างเอาไว้ ตอนเวลา BOOT เครื่อง จะทำให้คุณไม่พลาด Startup Menu

16. คุณสามารถปิดนาฬิกาที่ Taskbar ได้ โดยคลิกขวาที่ Task bar > Properties > เอาเครื่องหมาย Show Click ออก

17. หากคุณกด F11 ใน Windows Explorer จะช่วยให้มีการทำงานที่สะดวกขึ้น

18. ใน ICQ การส่ง Message หากคุณกด Ctrl+Enter จะสะดวก กว่าการ Click Mouse ที่ปุ่ม send

19. คุณสามารถกด F2 เพื่อ ใช้ในการเปลี่ยนชื่อ Icon ต่างๆ ได้

20. การกด F5 ใน NotePad จะเป็นการแทรก เวลา และวันที่ ปัจจุบัน

21. การกด Windows + E จะเป็นเปิด Windows Explorer ขึ้นมา

22. เปิด System Properties อย่างรวดเร็วคือการกด Window + Pause Break

23. การย่อยทุกๆ หน้าต่างที่เปิดใช้งาน ให้ยุบไปให้หมด คือการกด Window + D ถ้าจะขยายคืนมาอีก ให้กดซ้ำ

24. การเคาะวรรคในโปรแกรม Dreamweaver คือ Shift + Ctrl + Space Bar ส่วนการเว้นบรรทัดคือ Shift + Enter

25. การลบไฟล์แบบ ไม่เก็บไว้ใน Recycle Bin คือการกด Shift + Delete

26. การกด Shift ค้างไว้ เวลาใส่แผ่น CD-Rom จะเป็นการไม่ให้มันเปิด Autorun ของแผ่น CD-Rom นั้นขึ้นมา

27. การ Restart เครื่องอย่างเร็ว คือไปที่ Start -> Shut Down... -> Restart จากนั้น ก่อนที่จะ OK ให้กด
Shift ค้างเอาไว้

28. ในระหว่างใช้ Browser คุณสามารถกดปุ่ม Space Bar เพื่อเลื่อนหน้าลง และ Shift + Space Bar เพื่อนเลื่อนหน้าขึ้นได้

29. กด Shift + คลิก จะเป็นการเปิดหน้าต่างขึ้นมาใหม่ โดยไม่ต้อง back กลับ


30. คุณสามารถ ไปที่ Start -> Run และพิมพ์ว่า hwinfo /ui กด Enter เพื่อดูรายงานต่างๆ ของ HardWare

Read More......

24 December 2007

วิธีแก้ไวรัส Hacked By Godzilla

เป็นไวรัสตัวใหม่ที่กำลังระบาดอยู่ จัดเป็น spyware ที่ก่อกวนการทำงานมากกว่าจะทำลายข้อมูล โดยจะเป็นการติดผ่าน Handy Drive และ Floppy Disk เท่านั้น
ลักษณะอาการ
1.เครื่องจะไม่สามารถ Double Click เปิดไดร์ฟต่างๆได้ แต่จะคลิกเมาส์ขวาเพื่อเปิดไดร์ฟโดยเลือกเมนู Open หรือExplore
2.มีข้อความปรากฏบน Title Bar ของ Internet Explorer ว่า “Hacked By Godzilla”

*****เสริมให้อีกนิด เวลาคลิกขวาที่ไดร์ปกติ จะขึ้นข้อความว่า Autoplay*****

วิธีการแก้ไขเมื่อติดไวรัส Godzilla
1.Double Click ไอคอน My Computer ที่ Desktop เลือกเมนู Tools --> Folder Options
2.ปรากฏไดอะล็อก Folder Options คลิกแท็บ View
1)คลิกเลือก Show Hidden files and folders
2)เอาเครื่องหมาย / ในช่องสี่เหลี่ยมหน้า Hide extention… และ Hide protected operating system file ออก
3)คลิก OK

3.กดปุ่ม Ctrl+Alt+Delete ที่คีย์บอร์ด
4.ปรากฏไดอะล็อกบ็อก Windows Task Manager คลิกเลือกแท็บ Processes
1)คลิกเลือกเมนู Image Name (เพื่อ sort File)
2)คลิกเลือกไฟล์ wscript.exe ( ทีละตัว )
3)คลิกปุ่ม End Process

5.เปิดไดร์ฟ ( โดยคลิกเม้าส์ขวาเลือก Explore ห้าม Double Click ไดร์ฟ ) ทำการลบไฟล์ autorun.inf และ MS32DLL.dll.vbs ออก (โดยกด Shift+Delete ) ทุกไดร์ฟที่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งรวมทั้ง Handy Drive และ Floppy disk ด้วย

6.เปิดโฟลเดอร์ C:\WINDOWS เพื่อลบไฟล์ MS32DLL.dll.vbs ออก (โดยกด Shift+Delete )

7.ไปที่ปุ่ม Start-->Run ปรากฏไดอะล็อกบ็อก Run พิมพ์คำสั่ง regedit กดปุ่ม OK
ปรากฏไดอะล็อกบ็อก Registry Edit

8.คลิกเลือก HKEY_LOCAL_MACHINE --> Software --> Microsoft --> Windows --> Current Version --> Run เพื่อลบไฟล์ MS32DLL (โดยการกดปุ่ม Delete ที่คีย์บอร์ด )

9.คลิกเลือก HKEY_CURRENT_USER --> Software --> Microsoft --> Internet Explorer --> Main เพื่อลบไฟล์ที่ Window Title “Hacked by Godzilla” ออก (โดยการกดปุ่ม Delete ที่คีย์บอร์ด )

10.คลิกปุ่ม Start --> Run ปรากฏไดอะล็อกบ็อก Run พิมพ์คำสั่ง gpedit.msc กดปุ่ม OK
ปรากฏไดอะล็อกบ็อก Group Policy
11.คลิกเลือก User Configuration --> Administrative Templates --> System --> Double Click ไฟล์ Turn Off Autoplay ปรากกฎไดอะล็อกบ็อก Turn Off Autoplay Properties
1)คลิกเลือก Enabled
2)คลิกเลือก All drives
3)คลิก OK
เพื่อป้องกันการเปิดไดร์ฟอัตโนมัติในกรณีที่นำแผ่นซีดี หรือ Handy Drive มาใช้งานซึ่งเป็นช่องทางที่จะทำให้เกิดการติดไวรัสได้ง่ายขึ้น

12.คลิกปุ่ม Start --> Run ปรากฏไดอะล็อกบ็อก Run พิมพ์คำสั่ง msconfig กดปุ่ม OK
ปรากฏไดอะล็อกบ็อก System Configuration Utility คลิกแท็บ Startup
1)เอาเครื่องหมาย / ในช่องสี่เหลี่ยมหน้าไฟล์ MS32DLL ออก
2)คลิกปุ่ม Apply
3)คลิกปุ่ม OK (หรือ Close)
จะปรากฏไดอะล็อกบ็อก System Configuration เลือก Exit Without Restart

13.Double Click ไอคอน Mycomputer ที่ Desktop เลือกเมนู Tools --> Folder Options
14.ปรากฏไดอะล็อก Folder Options คลิกแท็บ View
1)คลิก / ในช่องสี่เหลี่ยมหน้า Hide extention… และ Hide protected operating system file
2)คลิก OK

15. Click เม้าส์ขวาที่ไอคอน Recycle bin เพื่อเรียก Shortcut Menu เลือกคำสั่ง Empty Recycle bin เพื่อยืนยันการลบไฟล์ไวรัสออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์อีกครั้ง

*****เสริมให้อีกนิด Restart เครื่องด้วยน๊า***** มะงั้นเวลากดดับเบิ้ลคลิกมันจะฟ้อง Error ถ้ายังมะ Restart


เท่านี้เพื่อนๆก็จะสามารถเล่นเน็ตได้โดยไม่ถูกรบกวนอีก...เอ็นลองใช้วิธีนี้แล้วได้ผ
ลครับ เอามาจากศูนย์คอมของมหาลัยนะ เพื่อนๆที่มีปัญหากับไวรัสตัวนี้อยู่เอาไปใช้ได้เลย

รับรองได้ผลครับ

Read More......

วิธีแก้ไวรัส BRONTOK.A ที่หลายๆคนโดน

วิธีแก้ไวรัส BRONTOK.A ที่หลายๆคนโดน
1. เข้า safe mode
2. เข้า msconfig (start/run/msconfig -> startup)
เอาเครื่องหมายหน้าไฟล์เหล่านี้ออกครับ
- norBtok
- smss
3. boot เครื่องใหม่ตามปกติ
หลังจากนี้ virus จะหยุดทำงานแล้วครับ ต่อไปเราจะตามลบมันออกให้หมด

4. โหลด file นี้ครับ เพื่อปลดล๊อกให้ใช้ Regedit
http://securityresponse.symantec.com/avcenter/UnHookExec.inf
เมื่อโหลดเสร็จให้ คลิ๊กขวาที่คำว่า install นะครับ
5. เข้า regedit (start/run/regedit)
เข้าไปที่ HKEY_CURRENT_USERSoftwareMicrosoftWindowsCurrentVersion
PoliciesExplorer
ลบ NoFolderOptions ออก (อันนี้ virus มันซ่อน menu Options...ไว้ครับ)
6. search ใน my computer (My computer/search...)

หาไฟล์ *.exe
โดยใช้ filter
--> what size is it?
specify size
at most 85 kb (เผื่อไว้หน่อย)
จากผลลัพย์ที่ได้ กด คอลัมน์ size แล้วดู ให้ลบไฟลที่ความจุ 80 kb ที่ icon จะเป็นรูป คล้ายกับ Folder มาก ลบทิ้งเลยครับ (อย่าเพลอไป ดับเบิ้ลคลิ๊กหล่ะ ต้องเริ่มข้อ 1 ใหม่เลยนะครับ หุหุ เตือนไว้ก่อน)
7. ลบไฟล์ เหล่านี้ด้วยครับ
%UserProfile%TemplatesA.kotnorB.com
%Windir%inf orBtok.exe
%Windir%system323D Animation.scr

จบครับ
ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี้ครับ
\inside2printSymantec Security Response - W32_Rontokbro_B@mm.htm

Read More......

วิธีฆ่าไวรัส Image.zip บน MSN "Hey m8, who is this on the right, in this picture..."

Edited - ใครที่จู่ๆได้รับข้อความภาษาอังกฤษพร้อมไฟล์ภาพ Image.zip ทางเอ็มเอสเอ็น (MSN) แล้วกดรับไฟล์มาเก็บไว้ที่เครื่อง บทความนี้จะตอบคำถามที่ว่าจะทำอย่างไรให้เครื่องหยุดส่งไฟล์ต่อไปยังรายชื่ออื่นๆที่เรามีอยู่อย่างอัตโนมัติได้อย่างไร สำหรับใครที่ยังไม่เคยได้รับ บทความนี้ถือเป็นอุทาหรณ์เตือนภัยล้อมคอกก่อนวัวหาย

ข้อความภาษาอังกฤษที่มาพร้อมไวรัสตัวนี้มีหลายเวอร์ชัน ได้แก่ LOL, you look so ugly in this picture, no joke... (555 คุณดูทุเรศมากเลยในรูปนี้อ่ะ ไม่ได้พูดเล่นนะ) Should I put this on facebook/myspace? (ฉันเอารูปนี้แปะในแฟชบุ๊ก/มายสเปซดีไหม) Hey m8, who is this on the right, in this picture... (เฮ้ ขวามือในรูปนี้ใครอ่ะ) Sup, seen the pictures from the other night? (ดูรูปคืนอื่นๆรึยัง)

ข้อความเอ็มเอสเอ็นภาษาอังกฤษเหล่านี้เชิญชวนให้ผู้รับกดรับไฟล์ Image.zip ที่ส่งตามมา ใครกดรับไฟล์ซิปแล้วถอดไฟล์คุณอาจติดเชื้อไวรัสตัวนี้ไปเรียบร้อยแล้ว จากประสบการณ์ไวรัสจะยังไม่ทำงานทันทีที่รับไฟล์ แต่จะเริ่มทำงานเมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ในซิป

อาการหลังติดไวรัส คือหลังจากคุณแตกไฟล์ซิปแล้ว เครื่องคุณมีอาการทำงานช้าลงจนถึงค้างไปชั่วขณะ หน้าจอกระพริบเล็กน้อย จากนั้นเครื่องจะทำงานเป็นปกติ แต่เพื่อนๆของคุณจำนวนมากจะส่งข้อความมาถามพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ว่านี่คือไฟล์อะไร ซึ่งแน่นอนว่าคุณยังไม่ทันได้คลิกส่งอะไรไปเลย


เรามีวิธีฆ่าไวรัสเพื่อไม่ให้เครื่องส่งข้อความและไฟล์ไวรัสไปให้เพื่อนผู้เคราะห์ร้ายคนอื่นๆจำนวน 2 วิธี ขอขอบคุณเว็บไซต์ teenee.com ที่นำวิธีแก้ไขของคุณ fwmail มาโพสต์ไว้

วิธีที่ 1. คือการกำจัดแบบ Manual เริ่มที่

1. กด ctrl + Alt + del เพื่อเรียก task manager

2. ดูที่ process list ว่ามี winlog32.exe หรือไม่ ถ้ามีให้ end task ไป

3. ไปดูที่ start => run พิมพ์ว่า msconfig แล้ว enter

4. ไปที่ แท๊บ start up ดูหา Winlog32.exe ให้ uncheck มัน แล้ว กด OK ยังไม่ต้อง restart

5. เข้า Start => Search แล้วไป search ที่ drive c: หาไฟล์ winlog32.* ถ้าเจอ winlog32.exe - ให้ลบทิ้งไป

6. restart Windows อีกครั้ง


Read More......

วิธีการปรับแต่ง Windows 98 ให้ทำงานได้เร็วขึ้น แบบไม่ต้องลงทุน

เทคนิคการปรับแต่ง Windows 98 ให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ตรงนี้ ได้ทำการรวบรวมมาจากประสบการณ์ เท่าที่ได้ทดลอง ใช้งานจริง ๆ และรวบรวมมาจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ได้แนะนำเทคนิคเหล่านี้ไว้ นำมาทดลอง และเลือกเฉพาะสิ่งที่คิดว่า ควรจะทำการปรับแต่งเท่านั้น ที่จริงแล้วยังมีวิธีการปรับแต่งอีกหลายรูปแบบ แต่บางอย่างเท่าที่ได้ทดลองทำดูแล้ว พบว่า จะสามารถใช้ได้เฉพาะกับอุปกรณ์บางยี่ห้อ และบางรุ่นเท่านั้น หรือในบางครั้ง กลับสร้างปัญหาให้กับอุปกรณ์รอบข้างด้วย ดังนั้น จึงขอคัดเลือกมา เฉพาะหัวข้อที่ควรจะทำการปรับแต่งจริง ๆ เท่านั้น ลองทำกันทีละหัวข้อเลย แล้วเปรียบเทียบความรู้สึกกันดูว่า Windows 98 ของคุณ จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง



ยกเลิกการใช้ Wallpaper ของ Desk Top สำหรับเครื่องที่มี RAM น้อย
สำหรับท่านที่ใช้ Windows และมี RAM น้อยกว่า 64M. ขอแนะนำให้ยกเลิกการใช้ภาพ Wallpaper ของ Desk Top หรือถ้าหากจะใช้จริง ๆ ก็ควรเลือกภาพที่มีขนาดเล็ก ๆ จะช่วยทำให้คุณมีหน่วยความจำใช้งานได้เพิ่มมาอีก 1-2 M. โดยที่หากต้องการให้ฉากหลังไม่เรียบจนเกินไป ก็ลองเลือกใช้ Pattern แทน Wallpaper การเปลี่ยนไปใช้ Pattern ก็เลือกที่ Start >> Settings >> Control Panel >> Display >> Background ที่ Wallpaper เลือก None และเลือกใช้ Pattern แทนโดยเลือกที่ปุ่ม Pattern และเลือก Pattern ที่จะใช้งานแทน อ่านระยละเอียดเพิ่มเติมที่ การตั้ง Wallaper ของเครื่อง


ตั้งหน้าจอให้มีจำนวนสีแบบ High Color (16 bit)
โดยปกติแล้ว การตั้งหน้าจอให้แสดงจำนวนของสีได้มากน้อยเท่าไรนั้น จะขึ้นอยู่กับการ์ดจอที่ใช้งานอยู่ด้วย เช่น 256 Color, High Color (16 bit), High Color (24 bit) หรือ True Color (32 bit) แต่จากข้อมูลทั่ว ๆ ไปแล้วส่วนใหญ่จะบอกว่า จำนวนของสีที่แสดงบนหน้าจอนั้น ในระดับที่สูงกว่า High Color (16 bit) นั้นสายตาของคนเรา จะไม่สามารถแยกออกได้ ดังนั้นหากเป็นการใช้งานคอมพิวเตอร์โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว การตั้งจำนวนสีแค่ High Color (16 bit) ก็เพียงพอแล้ว จะทำให้การแสดงผลต่าง ๆ ของหน้าจอทำได้รวดเร็วขึ้น การแก้ไขก็ทำโดยเลือก Start >> Settings >> Control Panel >> Display >> Settings แล้วเปลี่ยนตรงช่อง Color กด OK


ใช้วิธีการ Turn off Monitor แทนการใช้ Screen Saver
สำหรับท่านที่ใช้ Windows และมี RAM น้อยกว่า 64M. ขอแนะนำให้ใช้วิธีการรักษาหน้าจอโดยการตั้ง Turn off Monitor แทนการใช้ Screen Saver ซึ่งจะช่วยให้คุณมีหน่วยความจำใช้งานได้เพิ่มขึ้นมาอีกหน่อยนึง โดยวิธีการคือ เลือกที่ Start >> Settings >> Control Panel >> Screen Saver เลือกเป็น None และเลือกที่ Settings ตั้งที่ Turn off Monitor เลือกเวลาที่ต้องการปิดหน้าจอ กด OK อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ การตั้งใช้ Screen Saver


การปรับแต่งไฟล์ Msdos.sys
หากท่านไม่ได้ใช้โปรแกรมบีบอัดข้อมูลของ Hard Disk หรือ DriveSpace ของ Windows แล้วละก็ ควรทำการปรับแต่งโดยเพิ่มคำสั่งต่อไปนี้ในไฟล์ Msdos.sys ตามขั้นตอนดังนี้
1. เปิด Windows Explorer ขึ้นมาก่อน
2. เลือกที่เมนู View >> Folder Options
3. เลือก View >> Show All Files กด OK
4. เข้าไปที่ Drive C:\ คลิกเมาส์ขวาที่ไฟล์ Msdos.sys กดที่ Properties
5. ยกเลิกเช็คบอกซ์ที่ Read Only และ Hidden ออก แล้วกด OK
6. เปิด Notepad เลือก Open เปิดไฟล์ C:\Msdos.sys
7. มองหาหัวข้อ [Options] แล้วเพิ่ม 3 บรรทัดนี้ลงไป
[Options]
DrvSpace=0
DblSpace=0
BootDelay=0

8. บันทึกข้อมูลโดยเลือกที่ File >> Save และปิดโปรแกรม Notepad
9. เปลี่ยน Attributes ของ Msdos.sys ให้เป็น Read Only และ Hidden เหมือนเดิมในข้อ 4. และ 5.

การปรับแต่งไฟล์ System.ini ใน C:\Windows
1. เลือกที่ Start Menu >> Run พิมพ์คำว่า system.ini และกดที่ปุ่ม OK
2. หาบรรทัดที่มีหัวข้อ [386Enh] แล้วเพิ่มคำสั่งเข้าไป 2 บรรทัด
[386Enh]
LocalLoadHigh=1
PageBuffer=32

ค่าของ PageBuffer ให้กำหนดเป็นครึ่งหนึ่งของ RAM ที่มีอยู่ทั้งหมด เช่นมีแรมอยู่ 64M. ก็กำหนดเป็น 32 หรือถ้าเครื่องมีแรม 128M. ก็เลือกเป็น 64 ครับ

3. หาบรรทัดที่มีหัวข้อ [vcache] แล้วเพิ่มคำสั่งเข้าไป 2 บรรทัด

[vcache]
MinFileCache=8000
MaxFileCache=8000

ค่าของ 2 บรรทัดนี้จะหาได้จากจำนวน RAM คูณด้วย 125 เช่นแรม 64M. จะเท่ากับ 64x125=8000 หรือแรม 128M. จะได้ 128x125=16000 ครับ

4. บันทึกข้อมูลโดยเลือกที่ File >> Save และปิดโปรแกรม Notepad

ปรับแต่ง Dial-Up Adapter เพิ่มความเร็วโมเด็มในการเล่นเน็ต
1. เปิด Control Panel ดับเบิ้ลคลิกที่ Network เลือก Dial-Up Adapter และกดที่ Properties
2. กดเลือกที่ Advance ช่อง IP Packet Size เลือกเป็น Large
3. ช่อง Use IPX header compression เลือกเป็น No กด OK


ใช้การบีบอัดข้อมูล (Compress Data) ของโมเด็มเพิ่มความเร็วการเล่นเน็ต
1. สำหรับโมเด็มและ ISP ที่รองรับการบีบอัดข้อมูลของโมเด็ม จะช่วยให้การส่งข้อมูลเร็วขึ้นได้
2. มีผลเฉพาะในส่วนของข้อมูลแบบ Text หรือ HTML หรือไฟล์ที่ยังไม่ผ่านการบีบอัดเท่านั้น
3. กรณีข้อมูลไฟล์หรือภาพต่าง ๆ อาจจะไม่ค่อยเห็นผลมากนัก
4. เริ่มจากเปิดหน้า My Computer >> Dial-Up Networking
5. คลิกเมาส์ขวาที่ตรงกับ Dial-Up ของ ISP ที่ใช้งาน เลือกที่ Properties
6. เลือกที่ Configure.. เลือกป้าย Connection กดที่ปุ่ม Advanced..
7. เอาเครื่องหมายถูกที่ช่อง Compress data ออก และกดปุ่ม OK 2 ครั้ง กลับมาที่หน้า General ก่อน
8. กดที่ป้าย Server Types ติ๊กถูกที่ช่อง Enable software compression แล้วกด OK จนจบ
9. ถ้าหากใช้งานได้ เมื่อดูที่ Connection ขณะต่ออินเตอร์เน็ต กด Details จะเห็นคำว่า Microsoft Compression


ปรับแต่งสายโทรศัพท์ ให้มีสัญญาณรบกวนน้อยที่สุด
1. สัญญาณรบกวนในสายโทรศัพท์ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เน็ตช้านะครับ
2. อ่านรายละเอียดที่ การต่อสายโทรศัพท์ และการปรับแต่งต่าง ๆ เพิ่มความเร็วและป้องกันสายหลุดของโมเด็ม
ปรับแต่ง Performance และการใช้ Swap File ของระบบ
1. เปิด Control Panel ดับเบิ้ลคลิกที่ System เลือกที่ Performance
2. ที่ Files System ช่อง Typical role of this computer เปลี่ยนเป็น Network Server กด OK
3. ที่ Virtual Memory เลือกที่ Let me specify my own virtual memory setting
4. ช่อง Minimum และ Maximum ใส่ค่าขนาดของ virtual memoey ควรจะอยู่ระหว่าง 128-256
5. จากข้อ 4. ถ้ามีแรม 64M ควรกำหนดเป็น 128 แต่ถ้ามีแรมอยู่ 128M หรือมากกว่านี้ ควรจะกำหนดเป็น 256 ครับ
6. กด OK 2 ครั้ง ทำการ Restart เครื่องใหม่
7. อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจากเรื่อง การตั้งใช้งาน virtual memory ครับ

ทำความสะอาด Registry ลบส่วนที่ไม่จำเป็นกับการใช้งานออกไป
1. ดาวน์โหลดโปรแกรม Regclean จากเว็บไซต์ http://www.microsoft.com/
2. เรียกไฟล์ Regclean.exe เพื่อแตกไฟล์ และใช้งาน
3. อ่านรายละเอียดได้ที่ การทำความสะอาด Registry ครับ


ทำ Defrag ฮาร์ดดิสก์ สักประมาณอาทิตย์ละครั้ง
1. โดยเลือกที่ Start Menu >> Programs >> Accessories >> System Tools >> Disk Defragmenter
2. ควรทำประมาณสัก อาทิตย์ละครั้งครับ
3. อ่านรายละเอียดการทำ และเทคนิคต่าง ๆ เพิ่มเติมที่ การทำ Defrag ฮาร์ดดิสก์


การใช้ความสามารถของ DMA ให้เต็มที่
สำหรับท่านมีใช้เมนบอร์ดและฮาร์ดดิสก์ที่รองรับการส่งข้อมูลแบบ DMA
1. เปิด Control Panel ดับเบิ้ลคลิกที่ System เลือกที่ Device Manager
2. เลือกที่ Disk Drives แล้วกดเลือกที่ฮาร์ดดิสก์ของเครื่อง
3. กดที่ Properties เลือกที่ป้าย Settings
4. ใช้เมาส์กดเลือกที่ช่อง DMA แล้วกด OK ทำการบูทเครื่องใหม่อีกครั้ง
5. สำหรับเครื่องที่ไม่รองรับ DMA จะไม่สามารถใช้งานได้นะครับ โดยที่ช่องที่ติ๊กไว้จะหายไปเอง


การปรับแต่ง Registry ให้ระบบ Windows ใช้งาน CPU ได้เต็มประสิทธิภาพ
อีกวิธีหนึ่ง ในการปรับแต่งระบบ Windows ตรงนี้สำหรับ Windows 98 หรือ Windows Me เท่านั้น โดยการปรับแต่ง Registry ของระบบ เพื่อกำหนดค่า Priorities ของการใช้งาน CPU และต้องขอเตือนไว้ก่อนนะครับว่า วิธีการนี้ อย่างน้อย คุณควรที่จะพอทราบเรื่องต่าง ๆ ของ Registry พื้นฐานบ้างนิดหน่อยก่อน ถ้าหากไม่แน่ใจตรงนี้ ข้ามตรงนี้ไปก่อน ไม่ต้องทำการปรับแต่งก็ได้ครับ

สำหรับการปรับแต่ง Registry ตรงนี้ เพื่อความง่าย และไม่ถนัดเรื่อง Registry ดังนั้น จะขอไม่ขออธิบายรายละเอียด แต่ให้ทำการ คลิกที่ลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ เป็น Registry ที่ทำไว้สำเร็จรูป คลิกแล้วเลือกที่ Open this file... และกด Yes แค่นี้เองครับ โดยจะแบ่งเป็น 2 ไฟล์สำหรับเครื่องที่ใช้การ์ดจอแบบ AGP และ PCI
1. คลิกที่นี่เพื่อปรับแต่ง CPU Priority Registry สำหรับเครื่องที่ใช้การ์ดจอแบบ AGP Slot
2. คลิกที่นี่เพื่อปรับแต่ง CPU Priority Registry สำหรับเครื่องที่ใช้การ์ดจอแบบ PCI Slot

*** เน้นอีกครั้ง การปรับแต่ง Registry แบบนี้ ลองกันเองครับ ผมไม่รับประกันว่าระบบจะมีปัญหาอะไรหรือไม่ เพียงแต่บอกว่า เครื่องผมไม่มีปัญหาอะไร ระบบเร็วขึ้นมาได้อีกพอสมควรครับ ***

หลังจากเสร็จสิ้นการปรับแต่งทุกอย่างแล้ว ลองเปรียบเทียบความรู้สึกต่าง ๆ ทั้งเวลาที่ใช้งานทั่ว ๆ ไปและเวลาเล่นอินเตอร์เน็ตดูนะ ว่าได้ผลอย่างไรกัน

Read More......